เกร็ดความรู้ ประวัติวัวอเมริกันบราห์มัน
ลักษณะและคุณสมบัติทั่วๆไป
บราห์มันเป็นพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่ม Bos. Indicus (วัวแขกชนิดมีหนอก) มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย (ขอเรียกว่าพันธุ์ซีบู) อยู่ในถิ่นนี้หลายร้อยปีมาแล้วและสภาพท้องถิ่นของประเทศอินเดีย เป็นที่ทราบกันดีว่าอาหาร ไม่พอกิน มีทั้งแมลงที่เป็นศัตรูมากมาย พยาธิตัวเบียฬ โรคภัยไข้เจ็บนานาชนิด ในสภาพภูมิอากาศที่ร้อนจัด บางแห่งทั้งร้อนทั้งชื้น วัวพวกนี้ถือว่าเป็นวัวพื้นเมืองจริงๆ มันพัฒนาและปรับตัวเองให้อยู่ในสภาพ ดังกล่าวข้างต้น ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้อย่างดีเยี่ยม ฉะนั้นสภาพแวดล้อมอย่างนั้นจึงเป็นเรื่องปกติของมันที่อยู่มาจนชิน กลายเป็น เรื่องปกติของมัน ชาวฮินดู (นับถือศาสนาฮินดู) ถือว่าวัวเป็นของศักดิ์สิทธิ์และเขาเคารพบูชา ความเชื่อ ศรัทธา อันนี้ทำให้ชาวฮินดูไม่กินเนื้อวัว ห้ามฆ่า ห้ามขายอีกด้วย ข้อจำกัดทั้งหลายที่กล่าวมานี้ทำให้สหรัฐ ฯ พบกับความ ยุ่งยากที่จะเอาวัวพวกนี้เข้าประเทศตนเอง ลักษณะทั่วไปของวัวซีบู (วัวแขก) มีตระหนอกสูงใหญ่ ตั้งอยู่บนสันไหล่และคอ กระดูกสันหลังอยู่ต่ำ กว่าหนอก มีกล้ามเนื้อคลุมจากใต้หนอกลงมาดูกลมกลืนไปกับลำตัว ลักษณะอื่นที่เห็นคือ เขาบิดงอ และขึ้นตรง และบางทีก็โก่งงอไปด้านหลัง ใบหูค่อนข้างใหญ่ยาน มีเหนียงหย่อนยาน ผิวหนังหนา หลวม และหย่อนย่นอย่าง เห็นได้ชัด วัวพวกนี้มีต่อมเหงื่อมากกว่าวัวฝรั่งมาก การระบายเหงื่อ หรือความร้อนออกจากตัว จึงทำได้ง่ายมากพวก วัวซีบูนี้ขับสารที่เป็นมันๆ ออกจากต่อมซึ่งมีอยู่มากมายใต้ผิวหนัง (เราเรียกต่อมนี้ว่า ซีบั้ม Sebum) สารที่ออกมาจากต่อมนี้มีกลิ่นเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร (ถ้าเป็นคนก็เรียกกลิ่นตัวแรง) คือ เหม็นสาปๆ ฉุนๆ เชื่อได้เลยว่า กลิ่นนี้ ขับไล่แมลงที่มารบกวนมันได้เป็นอย่างดี

กำเนิดของวัวพันธุ์ซีบู
ที่พอรู้จักกันดีหน่อยมีราว 30 พันธุ์ ที่คนอินเดียกล่าวขวัญถึง แต่พันธุ์ที่นำเข้าไปในอเมริกามีเพียง 2 – 3 พันธุ์ ได้แก่ กุซเซอราท (ในอินเดียเรียกว่า แครงเกรจ) ต่อมาก็คือพันธุ์ เนลลอร์ (ในอินเดียเรียกว่า อองโกล) และอีกพันธุ์หนึ่งคือ กีร์ บางแห่งในสหรัฐฯ เรียกว่า เจียร์ (Gir) โดยมากสหรัฐ ฯ ใช้ประโยชน์จากวัวทั้ง สามพันธุ์นี้มากที่สุด ส่วนพันธุ์กฤษณะแวลเลย์มีน้อยกว่า อย่างไรก็ตามวัวพันธุ์นี้ก็มีส่วนคล้ายกับ พันธุ์กุซเซอราท อยู่มาก

การพัฒนาขึ้นมาเป็นวัวอเมริกันบราห์มัน
ช่วงปี พ.ศ. 2453 – 2463 ปรากฏว่าพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเท็กซัส และพื้นที่แถบชายฝั่ง ของอ่าวแม็กซิโก มีวัวที่มีลักษณะเป็นวัวซีบูเพิ่มขึ้นหนาตา และเป็นจำนวนมาก เข้าใจว่าคงใช้พ่อวัวซีบูพวกนี้ เข้า มาผสมข้ามกับวัวตัวเมียในท้องถิ่นนี้ ก็มีบ้างบางรายพยายามผสมรักษาซีบูพันธุ์แท้ไว้ แต่ก็มีน้อยรายมาก เท่าที่ทีการบันทึกการนำเข้า พบว่ามีการนำเข้าไม่เกิน 300 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวผู้ จึงพอเข้าใจได้ ว่าใช้วัวตัวเมียพันธุ์อื่น เป็นตัวปูพื้นฐานในการสร้างพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้วัวตัวเมียพันธุ์ยุโรป ผสมยกระดับพันธุ์ ต่อเนื่องเรื่อยมาถึงชั่วที่ 5 จนมีเลือดซีบูถึง 31/32 หรือ 96.875 เปอร์เซ็นต์ การคัดเลือกลูกหลานทุกๆ ชั่วต่อมา นั้น ก็ไม่ได้คัดเลือกเพื่อให้มีคุณภาพเหนือกว่าพันธุ์ซีบูที่ใช้ แต่เน้นการคัดเลือกไปในแนวทางที่มันส่อแววว่าจะให้ เนื้อ หรือผลตอบแทนดีกว่าพันธุ์วัวเนื้อทั่วๆ ไป ที่นำเข้าอยู่ก่อนหน้านั้น โดยคำนึงถึงในแง่ของการปรับตัวเข้ากับ สภาพแวดล้อมด้วย เท่าที่ทราบการผสมพันธุ์ และการคัดเลือกพันธุ์นั้น เขาเน้นใช้วัวเนลลอร์ หรืออองโกล มาก กว่าวัวพันธุ์อื่นๆ

สมาคมอเมริกันบราห์มัน มีวัวพันธุ์ 2 ลักษณะ คือ
อเมริกันบราห์มันเทาหรือขาว และมีอองโกลและแครงเกรจเป็นส่วนใหญ่
อเมริกันบราห์มันแดง มีกีร์ และแครงเกรจเป็นส่วนใหญ่
ประเทศบราซิลก็สั่งพวกวัวแครงเกรจ และกีร์ เข้าไปเลี้ยงจำนวนมาก มากกว่าอเมริกาเสียอีก แต่การ ปรับปรุงพันธุ์นั้น ไม่ปรากฏว่าทำชัดเจนเช่นในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ ได้ตั้งสมาคมผู้บำรุงพันธุ์วัวบราห์มันขึ้นเองในปี 2467 ถัดจากการนำเข้าวัวซีบูตัวแรกเข้าประเทศเมื่อ พ.ศ. 2397 ซึ่งใช้เวลาถึง 70 ปีกว่าจะก่อตัวขึ้นได้
ลักษณะทั่วๆไปของวัวอเมริกันบราห์มัน
ขนาด
เป็นวัวมีขนาดกลางๆ เมื่อเทียบกับวัวพันธุ์ยุโรปอื่นๆ ที่เลี้ยงกันในสหรัฐฯ ตัวผู้โตเต็มที่จะหนักอยู่ระหว่างราว 700 – 900 กก. ตัวเมียจะอยู่ระหว่าง 450 – 600 กก. เมื่อแรกเกิดลูกจะมีน้ำหนักน้อยราว 27 – 32 กก. แต่โตได้เร็วในช่วงกินนมแม่เมื่อเทียบกับพันธุ์อื่นๆ
อุปนิสัยและอารมณ์
เป็นสัตว์ขี้สงสัย คล่องแคล่ว อยากรู้อยากเห็น และค่อนข้างขี้อายเป็นวัวที่แข็งแกร่ง ทรหด ในถิ่นทุรกันดาร แม้จะ กินอาหารคุณภาพต่ำๆ ก็อยู่ได้ดี อากาศที่ร้อนแรง หรือชื้นก็อยู่ได้ดีอีกเช่นกัน การให้ความเมตตาและดูแลปฏิบัติ ต่อมันอย่างดีๆ มันจะเชื่องมาก น่าสนใจก็คือ มันตอบสนองต่อการกระทำของเราได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะปฏิบัติดี หรือร้ายต่อมัน สรุปแล้วคือดูแลเลี้ยงดูง่ายไม่แพ้วัวอื่น
สี
สีจะเข้มมากขึ้น สังเกตได้ว่าสีตัวผู้มักจะเข้มกว่าตัวเมีย โดยปกติเงาเข้มจะเห็นได้ง่ายจากบริเวณ คอ ไหล่ และ สะโพกตอนล่างๆ
ทนร้อน
เขาศึกษาทดสอบหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่าที่อุณหภูมิ -13 องศาเซลเซียส วัวบราห์มันกับยุโรปทนหนาวได้เท่าๆ กัน ขณะเดียวกันก็พบว่ายุโรปพออุณหภูมิสูงเกินกว่า 21 องศาเซลเซียส วัวฝรั่งตัวจะร้อนๆ ขึ้น อยู่ไม่ค่อยสบาย พออุณหภูมิสูงขึ้นถึง 24 องศาเซลเซียส ถ้าเป็นวัวนม นมจะลดลงแต่สำหรับวัวบราห์มันแล้วอุณหภูมิสูงขึ้นขนาดนี้ มันไม่รู้สึกอะไรเลย ยังกินยังอยู่ได้สบายแม้อุณหภูมิจะสูงขึ้นไปถึง 41 องศาเซลเซียสก็ตาม อย่างไรก็ตาม การ ทนทานต่ออากาศร้อนก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งของการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมของวัวบราห์มัน หากยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มันมีมากับตัวของมันเอง เช่น
1. ขน มีขนสั้นเกรียน และทึบ ขนเป็นมัน ช่วยสะท้อนแสงแดดที่จะเข้าในตัวได้มาก ทำให้ตัวมันร้อนน้อยลงไป สังเกตว่ามันหากินกลางแดดได้สบายๆ
2. สีผิวหนัง เม็ดสีดำที่ผิวหนังมันป้องกันไม่ให้รังสีจากแดดแทรกซึมเข้าร่างกายได้ง่าย ถ้ารังสีทะลุไปได้มากก็จะเป็น อันตรายต่อเนื้อเยื่อชั้นในๆ ลงไป
3. ผิวหนังคลุมตัวหลวม เนื่องจากผิวหนังหลวมๆ จึงมีพื้นที่รอบตัวมันมากขึ้น จึงเป็นตัวปล่อยขยายความร้อนออกจากตัวได้ดี
4. เก่งในการขับเหงื่อ มีต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังมากมาย ระบายความร้อนออกจากตัวได้ดี ผ่านออกไปตามรูขุมขน มันจึงทนร้อนได้ดี
5. ความร้อนภายในตัว ที่น่าแปลกก็คือ จากการศึกษาพบว่าพออากาศร้อนมันผลิตความร้อนภายในตัวเองได้น้อยกว่าวัวพันธุ์ยุโรป
คุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้ วัวบราห์มันจึงเหมาะเอามาปรับปรุงพันธุ์ในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเรา ซึ่งใครๆ ก็ยกให้ว่า บราห์มัน คือทุกสิ่งทุกอย่างที่จะช่วยได้
หากท่านเป็นคน ต้องการจะขายวัวด่วน เรามีบริการรับซื้อถึงที่บ้านท่าน หรือจะซื้อวัวไปเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมเรามีการจัดส่งถึงหน้าบ้าน โดยทางฟาร์มวัวปู่เบส จะคัดเลือกวัวที่สวยๆไว้รอลูกค้า ให้ท่านเลือกผ่านวีดีโอไลน์โดยเรามีรถรับส่งวัวถึงหน้าบ้านท่าน
ซื้อวัว
ขายวัว
ซื้อขายวัวไทย
ราคาวัววันนี้
ราคาซื้อขายวัววันนี้
ติดต่อสอบถาม


