ปัจจุบันตลาดผู้บริโภคเนื้อโค หรือเนื้อวัว มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง สวนทางกับปริมาณเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อที่มีจำนวนจำกัด หรืออาจจะลดน้อยลงไปด้วยซ้ำ ในเมื่อความต้องการมาก แต่สินค้ามีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ย่อมเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่มีความพร้อมมากที่สุด ที่จะเดินหน้าทำตลาดขยายลูกพันธุ์ และเลี้ยงเป็นโคขุนส่งจำหน่ายเอง
สำหรับประเทศไทยแม้มีการส่งเสริมเลี้ยงโคเนื้อมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ช่วงแรกๆ การพัฒนาการเลี้ยงค่อนข้างจำกัด และเป็นการเลี้ยงคุณภาพต่ำ เพราะระบบเลี้ยงแบบปล่อยทุ่ง ทำให้โคที่เลี้ยงมีปัญหาด้านสุขภาพ คุณภาพเนื้อไม่มีมาตรฐาน เนื้อโคชำแหละที่ได้จะจำหน่ายออกสู่ตลาดล่าง ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงได้ผลตอบแทนต่ำ และจำนวนไม่น้อยต้องเลิกกิจการไป
อย่างไรก็ตามสำหรับเกษตรกรมือใหม่ หรือผู้ที่สนใจ จะก้าวมาสู่อาชีพผู้เลี้ยงโคเนื้อ ต้องรู้จักชนิดพันธุ์ของโคเนื้อเสียก่อน โดยต้องศึกษาแต่ละสายพันธุ์ ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละสายพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น แม่โคพันธุ์ที่ตนเลือกเลี้ยงให้ผลผลิตออกมาเป็นที่น่าพอใจ ตามที่ตนต้องการ และง่ายต่อการคัดเลือกเพื่อประกวดเป็นอันดับต่อไป ดังนั้นการเลือกพันธุ์ของโคจึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้เลี้ยงว่าต้องการเลี้ยงเพื่อจุดประสงค์ใด จึงกำหนดเลือกพันธุ์ได้อย่างเหมาะสม
“นิตยสารสัตว์บก” ได้บุกตะลุยมาถึง “โคสง่าฟาร์ม” อยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ เพราะที่ฟาร์มแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นฟาร์มปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อลูกผสมสายพันธุ์ “บราห์มัน” ที่ได้มาตรฐานอันดับต้นๆ โดยเจ้าของฟาร์มเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อรุ่นใหม่ที่สืบทอดเจตนารมณ์ และอาชีพของคนรุ่นพ่อ นั่นคือ คุณสันชัย ภู่บัว (คุณหนุ่ม) อายุ 31 ปี ซึ่งจบการศึกษาปริญญาตรีด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ไม่มีความรู้และประสบการณ์ด้านปศุสัตว์มาก่อน แต่ด้วยความสำนึกรักอาชีพเกษตรกรที่สมัยรุ่นพ่อแม่ทำกันมา และอาชีพนี้ก็สามารถเลี้ยงตนเองและพี่น้องจนจบการศึกษาระดับ ป.โท-ป.ตรี ได้ จึงพลิกชีวิตจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็น “เด็กเลี้ยงวัว” ที่ไม่ธรรมดา!?
ที่บอกว่าไม่ธรรมดา เพราะคุณสันชัย หรือ “คุณหนุ่ม” ได้พัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อลูกผสมสายพันธุ์ “บราห์มัน” ไปถึงระดับที่มีตลาดรองรับตลอด จนมีกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาจับจองโคเนื้อที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์แล้วจาก “โคสง่าฟาร์ม” ชนิดที่ว่าหัวกะไดไม่เคยแห้ง
ปัจจุบัน “โคสง่าฟาร์ม” ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการส่งโคเนื้อ วัวงาม เข้าประกวดแข่งขันชิงชัยในโครงการ และนิทรรศการประกวดโค-กระบือตามสถานที่ต่างๆ การันตีส่งประกวด 7 ครั้ง เป็นแชมป์ และแกรนแชมป์ โคลูกผสม วัวบรามัน 7 ครั้งรวด!!
นอกจากนี้คุณหนุ่มยังได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยชนะเลิศการประกวดโคเนื้อ เมื่อปี พ.ศ.2554 ที่งานเกษตรแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และเมื่อปี พ.ศ.2556 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น นับเป็นสิริมงคล และเป็นเกียรติแด่วงศ์ตระกูลของคุณสันชัย ภู่บัว หรือคุณหนุ่มสูงสุดในชีวิต
สำหรับการเลี้ยงวัว หรือโคเนื้อ โดยทั่วไประยะเวลาการขายวัว คือ 8 เดือน หลังจากคลอด แต่สำหรับ “โคสง่าฟาร์ม” ถ้าเป็นวัวลูกผสม จะขายได้ราคาไม่ต่ำกว่า 80,000 บาท ไปจนถึงราคาหลักแสน โดยมาตรฐานน้ำหนักของวัว 8 เดือน จะอยู่ที่ประมาณ 300 กิโลกรัม
ในส่วน “น้ำเชื้อ” คุณหนุ่มสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ และบางส่วนที่สั่งจากซัพพลายเออร์รายใหญ่ในประเทศ โดยมีราคาตั้งแต่หลอดละ 500 บาท ไปจนถึงราคาหลอดละ 5,000 บาท โดยคุณหนุ่มจ้างหมอปศุสัตว์ให้มาช่วยในเรื่องขั้นตอนการผสมเทียม
สำหรับขั้นตอนการผสมเทียม และการปรับปรุงพันธุ์ คุณหนุ่มกล่าวว่าจะใช้วิธีการผสมเทียมก่อนทุกตัว ยกเว้นตัวที่ผ่านการผสมเทียมมาแล้วหลายรอบแล้วไม่ติดจึงทำการผสมจริง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส และเสียเวลา ที่ควรจะได้ลูกวัวของปีนั้นๆ ในส่วนการผสมเทียม คุณหนุ่มจะทำการผสมเทียมวัวอายุได้ 24 เดือน เป็นหลัก หรือถ้าวัวตัวไหนมีความสมบูรณ์พันธุ์ อาจจะเป็นสัดก่อนอายุ 24 เดือน ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นสัดครั้งแรก และครั้งที่สอง จะยังไม่ผสม เพราะเป็นขั้นตอนการสังเกตการณ์ เพื่อศึกษาการจับสัดให้แน่นอน และแม่นยำเสียก่อน จึงจะทำการผสมในรอบที่สาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม
สำหรับข้อดีของการผสมจริง คือ แม่วัวตัวที่ผสมเทียมยาก ผู้เลี้ยงสามารถนำพ่อวัวมาผสมได้เลย และติดแน่นอน ถ้าแม่วัวตัวนั้นเคยมีลูกมาแล้ว แต่ข้อเสีย คือ ผู้เลี้ยงไม่สามารถใช้น้ำเชื้อพ่อพันธุ์ที่จะมาบรีดตามแนวทางที่ได้วางแผนเอาไว้ ในส่วนการผสมเทียม ข้อดี คือ ผู้เลี้ยงสามารถเลือกพ่อพันธุ์ได้หลายๆ ตัว ขึ้นอยู่กับแนวทางการบรีดวัวของผู้เลี้ยง วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม วัวงาม
สำหรับพื้นที่การเลี้ยงโคเนื้อของคุณหนุ่มมีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ แบ่งเป็นโรงเลี้ยงโคพื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน การออกแบบโรงเลี้ยงวัวเป็นแบบเกษตรกรทั่วไป คือ ทำมุ้งไว้ครอบป้องกันยุง และแมลง ทั้งนี้พื้นที่โดยรอบมีการปลูก หญ้าแพงโกล่า และหญ้าเนเปียร์ เอาไว้อีกประมาณ 5 ไร่ ที่เหลือเป็นแปลงหญ้ารูซี่ และหญ้าฮามาต้า เอาไว้ให้วัวเดินแทะเล็ม โดย หญ้าแพงโกล่า และหญ้าเนเปียร์ สามารถปลูกเอาไว้ให้วัวกินได้ตลอดทั้งปี
คุณหนุ่มเล่าถึงกิจวัตรและการจัดการเลี้ยงโคเนื้อ หรือวัว ในแต่ละวัน โดยเริ่มจากตอนเย็นจะตัดหญ้าทิ้งเอาไว้นำไปไว้ในรางอาหาร พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ปล่อยวัวออกมากินหญ้าในแปลง และฟาง โดยให้กินฟางจำนวน 1 ก้อน ซึ่งคุณหนุ่มจะเข้าไปทำความสะอาดโรงเลี้ยงไม่ให้เกิดการสะสมและสกปรก หลังจากนั้นช่วงสายๆ จะนำหญ้าสดที่ตัดเตรียมไว้เสริมให้อีก ส่วนน้ำดื่มให้วัวก็ใช้น้ำบาดาลซึ่งผ่านการตรวจวัดค่ามาตรฐาน มีให้วัวได้ดื่มกินตลอด
“ฟาร์มของผมโชคดีที่มีฟาร์มหมูอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นของคุณอา ผมจึงขอสูบน้ำขี้หมูมาใส่ในแปลงหญ้า 5 ไร่ ที่ปลูกเอาไว้อยู่แล้ว ช่วยให้หญ้ายาวงอกงามขึ้นทันเวลาให้วัวได้กินทุกๆ วัน ในส่วนเรื่องของการให้อาหาร สำหรับอาหารข้นผมไม่ได้ซื้อ แต่ใช้จากไร่มันสำปะหลังที่ผมปลูกเอาไว้ ประกอบกับที่บ้านมีเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก ผมจึงขุดมันฯ มาบดแล้วตากแห้ง จากนั้นนำมาผสมกับรำข้าวที่สี ได้เมล็ดข้าวมาก็เก็บไว้กินเอง ส่วนรำข้าวกับปลายข้าวก็นำมาผสมกับมันแห้งผสมให้วัวกิน โดยผมจะให้อาหารข้นนี้สำหรับวัวที่ตัวผอม หรือขุนวัวที่จะส่งเข้าประกวด เท่านั้น” คุณหนุ่มกล่าวเสริม หญ้าแพงโกล่า หญ้าแพงโกล่า หญ้าแพงโกล่า หญ้าแพงโกล่า หญ้าแพงโกล่า หญ้าแพงโกล่า
หน้าที่เข้าชม | 72,738 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 53,046 ครั้ง |
เปิดร้าน | 9 พ.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 31 ส.ค. 2568 |